
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ หากเกิดแผ่นดินไหว สำหรับผู้ประกอบการและองค์กร

การรับมือแผ่นดินไหวสำหรับผู้ประกอบการและองค์กร
แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และสร้างความเสียหายรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน โดยเฉพาะองค์กรและภาคธุรกิจที่มีพนักงานจำนวนมาก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่อาจได้รับผลกระทบ การเตรียมความพร้อมและมีมาตรการรับมืออย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การดำเนินงานสามารถกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการและองค์กร การวางแผนรับมือแผ่นดินไหวต้องครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า การปฏิบัติขณะเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานและทรัพย์สินได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดทำแผนฉุกเฉินถือเป็นสิ่งแรกที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ โดยต้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจนสำหรับพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่การหลบภัย การอพยพ ไปจนถึงแนวทางการสื่อสารในภาวะวิกฤติ นอกจากนี้ การฝึกซ้อมเป็นประจำเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้พนักงานมีความคุ้นเคยกับขั้นตอนและสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
ขณะเกิดแผ่นดินไหว ความปลอดภัยของบุคลากรต้องมาเป็นอันดับแรก ทุกคนควรรู้ว่าต้องหาที่กำบังที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีความเสี่ยง เช่น ใกล้กระจกหรือสิ่งของที่อาจตกหล่น และเมื่อแรงสั่นสะเทือนลดลงแล้ว การอพยพออกจากอาคารไปยังจุดรวมพลที่กำหนดก็ต้องทำอย่างเป็นระเบียบ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์และเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
หลังจากเหตุการณ์สงบลง องค์กรต้องเร่งตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อประเมินความปลอดภัยในการกลับเข้าใช้งาน การแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสื่อสารให้พนักงานและลูกค้าทราบสถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการโดยเร็ว ทั้งนี้ การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติไม่ใช่แค่การซ่อมแซมความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลพนักงานที่อาจได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจ การช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ และการทบทวนแผนฉุกเฉินเพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
โดยวันนี้ connectbizs จะมาแชร์ในเรื่องของการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม ที่สามารถช่วยลดความเสียหายและความเสี่ยงได้ การรับมือแผ่นดินไหวอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดีและการประสานงานอย่างเป็นระบบระหว่างพนักงาน ฝ่ายบริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรที่มีการวางแผนรับมือที่ดีจะสามารถลดความสูญเสีย ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและลูกค้าได้อย่างมั่นคง จะมีองค์ประกอบและวิธีรับมืออย่างไรบ้างไปดูกันเลย
1.การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดแผ่นดินไหว

1.1 วางแผนรับมือและจัดทำมาตรการฉุกเฉิน
การวางแผนรับมือแผ่นดินไหวเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงและจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรควรดำเนินการดังนี้
- ประเมินความเสี่ยงแผ่นดินไหว ศึกษาความเป็นไปได้ของแผ่นดินไหวในพื้นที่ที่องค์กรตั้งอยู่ รวมถึงตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และอุปกรณ์สำคัญที่อาจได้รับผลกระทบ
- จัดทำแผนฉุกเฉิน (Emergency Response Plan) กำหนดขั้นตอนปฏิบัติในระหว่างและหลังเกิดแผ่นดินไหว กำหนดบทบาทหน้าที่ของพนักงานแต่ละฝ่าย และระบุเส้นทางการอพยพที่ปลอดภัย
- สร้างระบบสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน วางแผนระบบแจ้งเตือนและการสื่อสารระหว่างพนักงาน รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานภายนอก เช่น หน่วยกู้ภัยและภาครัฐ
- ซักซ้อมแผนรับมือแผ่นดินไหว จัดฝึกซ้อมเป็นประจำเพื่อให้พนักงานมีความเข้าใจและพร้อมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 การจัดทำมาตรการฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยก่อนเกิดแผ่นดินไหว
มาตรการฉุกเฉินเป็นแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับพนักงานในองค์กร มาตรการสำคัญได้แก่
- การตรวจสอบโครงสร้างอาคาร จ้างวิศวกรมาประเมินความแข็งแรงของอาคาร ปรับปรุงหรือเสริมโครงสร้างให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือน
- การยึดเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงาน ติดตั้งชั้นวาง โต๊ะ ตู้เก็บของ และอุปกรณ์หนักให้อยู่กับที่ ลดความเสี่ยงจากการล้มทับ
- การกำหนดจุดรวมพลและเส้นทางอพยพ ระบุพื้นที่ปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกอาคาร ติดป้ายบอกทางและฝึกซ้อมการอพยพ
- การจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน จัดเตรียมชุดปฐมพยาบาล ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย วิทยุสื่อสาร อาหาร และน้ำดื่มให้เพียงพอสำหรับพนักงาน
- การฝึกอบรมพนักงาน ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีเอาตัวรอดในระหว่างแผ่นดินไหว รวมถึงการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้บาดเจ็บ
1.3 การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร
นอกจากการมีแผนฉุกเฉินและมาตรการป้องกันแล้ว องค์กรควรส่งเสริมให้พนักงานมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย เช่น การตื่นตัวต่อภัยพิบัติ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างพนักงาน และการให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อม การสร้างวัฒนธรรมนี้จะช่วยให้การรับมือกับแผ่นดินไหวเป็นไปอย่างมีระเบียบและลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
การวางแผนรับมือและจัดทำมาตรการฉุกเฉินก่อนเกิดแผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน องค์กรต้องมีแผนที่ชัดเจน ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับพนักงาน การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลับมาดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์
2.แนวทางปฏิบัติระหว่างเกิดแผ่นดินไหว สำหรับองค์กร

เมื่อเกิดแผ่นดินไหว องค์กรต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถป้องกันตัวเอง ลดความเสี่ยงจากอันตราย และรักษาความปลอดภัยของทั้งบุคลากรและทรัพย์สินในองค์กร การมีมาตรการที่รัดกุมจะช่วยลดความสูญเสียและช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.1 การรักษาความสงบและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน
เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน องค์กรควรสื่อสารให้พนักงานรักษาความสงบ หลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก และปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินที่ได้ซักซ้อมไว้แล้ว บุคลากรทุกคนควรทราบว่าควรไปที่ใดและต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อความปลอดภัย
2.2 การหาที่หลบภัยในพื้นที่ที่ปลอดภัย
หากอยู่ ภายในอาคาร ให้รีบหาที่หลบภัยที่มั่นคง
- ออกจากอาคารไปอยู่ที่โล่งแจ้งทันที
- หากออกจากอาคารไม่ได้ให้ หมอบลง (Drop) ปกป้องร่างกายจากการกระแทก
- คลานเข้าไปใต้โต๊ะที่แข็งแรง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มั่นคง (Cover) เพื่อป้องกันสิ่งของร่วงหล่น
- ใช้แขนปกป้องศีรษะและลำคอ และจับขาโต๊ะไว้ให้มั่น (Hold On) จนกว่าการสั่นสะเทือนจะสิ้นสุด
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หน้าต่าง กระจก ตู้เก็บของสูง และเพดานที่อาจพังลงมา
หากอยู่ ภายนอกอาคาร
- ย้ายออกจากบริเวณที่มีสิ่งปลูกสร้าง เสาไฟ ป้ายโฆษณา และต้นไม้สูงที่อาจล้มลงมา
- นั่งหมอบลงกับพื้นและใช้แขนป้องกันศีรษะ
หากอยู่ ในลิฟต์
- กดปุ่มไปยังทุกชั้นและออกจากลิฟต์ให้เร็วที่สุด
- หากติดอยู่ ให้ใช้ระบบสื่อสารในลิฟต์แจ้งขอความช่วยเหลือ
2.3 หลีกเลี่ยงการวิ่งและการใช้ลิฟต์
ห้ามวิ่งออกจากอาคารระหว่างเกิดแผ่นดินไหว เพราะเศษซากอาคารหรือกระจกอาจตกลงมา และห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด เนื่องจากไฟฟ้าอาจดับหรือระบบลิฟต์อาจเกิดความขัดข้อง ทำให้ติดอยู่ภายใน
2.4 การปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าและแหล่งเชื้อเพลิงหากเป็นไปได้
หากสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าและแก๊สได้โดยปลอดภัย ให้ทำการปิดสวิตช์เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ และ หลีกเลี่ยงการใช้ไฟแช็ก เทียน หรืออุปกรณ์ที่อาจทำให้เกิดประกายไฟในกรณีที่มีก๊าซรั่ว
2.5 การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
ดูแลและช่วยเหลือพนักงานที่อาจมีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพให้เข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย
2.6 การเตรียมพร้อมสำหรับอาฟเตอร์ช็อก
หลังจากแผ่นดินไหวหลักสิ้นสุด อาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา ซึ่งอาจมีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้โครงสร้างอาคารที่เสียหายถล่มลงมา ให้พนักงานยังคงอยู่ในที่กำบังหรือพื้นที่ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะมั่นคง
2.7 การสื่อสารภายในองค์กร
ใช้เครื่องมือสื่อสารที่ปลอดภัย เช่น วิทยุสื่อสาร หรือโทรศัพท์มือถือในการแจ้งข้อมูลแก่พนักงาน และ หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สายด่วนหากไม่จำเป็น เพื่อให้สายสื่อสารเปิดทางสำหรับหน่วยกู้ภัย
แนวทางปฏิบัติระหว่างเกิดแผ่นดินไหวในองค์กรควรมุ่งเน้นที่ความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก โดยทุกคนต้องรู้จักวิธีหลบภัยอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินที่ได้วางไว้ นอกจากนี้ องค์กรต้องมีระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมรับมืออาฟเตอร์ช็อกหลังจากเหตุการณ์หลักผ่านไป การมีมาตรการที่เป็นระบบจะช่วยลดความเสียหายและช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังภัยพิบัติ
3. แนวทางปฏิบัติหลังเกิดแผ่นดินไหว สำหรับองค์กร

หลังจากแผ่นดินไหวสิ้นสุดลง องค์กรต้องดำเนินมาตรการอย่างเป็นระบบเพื่อประเมินความเสียหาย ป้องกันอันตรายเพิ่มเติม และเตรียมการฟื้นฟูเพื่อให้ธุรกิจหรือหน่วยงานสามารถกลับมาดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นตอนหลังแผ่นดินไหวจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อพนักงาน ทรัพย์สิน และโครงสร้างขององค์กร
3.1 การตรวจสอบและช่วยเหลือพนักงาน
- ตรวจสอบจำนวนพนักงานและตรวจเช็กว่าทุกคนปลอดภัยหรือไม่
- ให้การปฐมพยาบาลแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และแจ้งหน่วยกู้ภัยหรือหน่วยแพทย์หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
- ดูแลพนักงานที่อาจมีอาการตกใจหรือได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์
3.2 การอพยพพนักงานออกจากอาคารอย่างปลอดภัย
- หากอาคารได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินการอพยพพนักงานไปยังจุดรวมพลที่กำหนดไว้
- ห้ามกลับเข้าอาคารจนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีเศษซากปรักหักพัง โครงสร้างที่อาจพังลงมา และสายไฟที่ขาด
3.3 การประเมินความเสียหายของอาคารและอุปกรณ์
- มอบหมายให้ทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรม หรือวิศวกรตรวจสอบความมั่นคงของอาคาร โครงสร้าง และระบบสาธารณูปโภค
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้า น้ำประปา และท่อแก๊ส หากพบว่ามีการรั่วไหลหรือเสียหาย ควรปิดระบบทันทีและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- สำรวจความเสียหายของเครื่องจักร อุปกรณ์สำนักงาน และเอกสารสำคัญ
3.4 การเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ควรตระหนักว่าอาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และอาจทำให้โครงสร้างที่เสียหายถล่มลงมา
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้อาคารสูง ผนังที่แตกร้าว เสาไฟ และโครงสร้างที่ไม่มั่นคง
3.5 การจัดการสื่อสารภายในองค์กร
- แจ้งสถานการณ์ให้พนักงานทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสม เช่น วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์ หรือระบบแจ้งเตือนภายในองค์กร
- ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือหากจำเป็น
- ให้ข้อมูลแก่ลูกค้า คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสถานะขององค์กรหลังเกิดเหตุการณ์
3.6 การฟื้นฟูองค์กรและกลับมาดำเนินงาน
- จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเสียหายและแผนการซ่อมแซม
- ประเมินความพร้อมในการกลับมาเปิดทำการ โดยพิจารณาด้านความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
- ฟื้นฟูจิตใจพนักงานที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ด้วยการจัดหาการให้คำปรึกษาหรือการสนับสนุนทางจิตใจ
3.7 การปรับปรุงแผนฉุกเฉินเพื่อเตรียมพร้อมในอนาคต
- ทบทวนว่ามาตรการที่ใช้ได้ผลหรือไม่ และแก้ไขจุดอ่อนของแผนฉุกเฉิน
- ปรับปรุงแผนรับมือและจัดให้มีการฝึกซ้อมเพิ่มเติม
- จัดหาอุปกรณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติมตามความจำเป็น เช่น ชุดปฐมพยาบาล น้ำดื่ม และระบบสื่อสารสำรอง
การดำเนินมาตรการหลังแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต องค์กรต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก ประเมินความเสียหายของอาคารและระบบต่างๆ และวางแผนการฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ การปรับปรุงมาตรการรับมืออย่างต่อเนื่องจะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
4.การฟื้นฟูและปรับปรุงแผนรับมือในระยะยาว

หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวผ่านไป องค์กรต้องดำเนินมาตรการฟื้นฟูและปรับปรุงแผนรับมือในระยะยาวเพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีเสถียรภาพและเพิ่มความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ในอนาคต กระบวนการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการซ่อมแซมความเสียหาย แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.1 การประเมินผลกระทบและความเสียหาย
- ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ให้วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างเข้ามาประเมินความปลอดภัยของอาคาร หากพบว่ามีความเสียหายที่อาจเป็นอันตราย ควรซ่อมแซมหรือปรับปรุงให้ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนในอนาคต
- สำรวจความเสียหายของอุปกรณ์และระบบสาธารณูปโภค ตรวจสอบความเสียหายของระบบไฟฟ้า ท่อส่งน้ำ ระบบเครือข่าย และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำเนินงาน
- วิเคราะห์ผลกระทบทางธุรกิจ ประเมินว่าสินทรัพย์และกระบวนการทางธุรกิจได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด และพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบในอนาคต
4.2 การฟื้นฟูองค์กรและการกลับมาดำเนินงาน
- จัดทำแผนการกู้คืน (Recovery Plan) กำหนดระยะเวลาสำหรับการฟื้นฟูโครงสร้าง ระบบ และกระบวนการทำงานเพื่อให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด
- การให้ความช่วยเหลือพนักงาน สนับสนุนด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของพนักงานที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เช่น การให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาและสวัสดิการเพิ่มเติม
- การสื่อสารกับลูกค้าและคู่ค้า แจ้งให้ลูกค้าและคู่ค้าทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ขององค์กร รวมถึงระยะเวลาที่คาดว่าจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้
4.3 การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยและการฝึกอบรมพนักงาน
- ให้ความรู้แก่พนักงาน คือการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในกรณีเกิดแผ่นดินไหว และเพิ่มความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อม
- ซักซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นระยะ ทำการฝึกซ้อมเป็นประจำเพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน เปิดโอกาสให้พนักงานเสนอแนะและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยร่วมกัน
การฟื้นฟูและปรับปรุงแผนรับมือแผ่นดินไหวในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือกับ
เหตุการณ์ในอนาคต องค์กรต้องมีการประเมินผลกระทบ วางแผนฟื้นฟู พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัย และให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและทำให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืนภายใต้สภาวะที่ไม่แน่นอน

โดยสรุปแล้ว การรับมือกับแผ่นดินไหวเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องในระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูองค์กรหลังเหตุการณ์ให้สามารถกลับมาดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ องค์กรที่มีมาตรการรับมือที่ดีจะสามารถลดความสูญเสียทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานและการวางแผนที่รัดกุมจะช่วยให้องค์กรมีความพร้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว
แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ดังนั้น ผู้ประกอบการและองค์กรจำเป็นต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมและรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ฟื้นฟูการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว และปกป้องความปลอดภัยของพนักงาน การรับมือกับแผ่นดินไหวต้องดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การปฏิบัติระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์
ก่อนเกิดแผ่นดินไหว องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อม โดยเริ่มจากการประเมินความเสี่ยงของอาคาร สำนักงาน หรือโรงงาน รวมถึงการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างเพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน องค์กรควรจัดทำแผนฉุกเฉินที่ชัดเจนและสื่อสารให้พนักงานทุกคนเข้าใจ รวมถึงการกำหนดเส้นทางอพยพ จุดรวมพล และผู้รับผิดชอบในกรณีฉุกเฉิน ควรมีการซ้อมแผนอพยพเป็นประจำเพื่อให้พนักงานเกิดความคุ้นเคย และสามารถปฏิบัติตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง องค์กรต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ชุดปฐมพยาบาล วิทยุสื่อสารสำรอง ไฟฉาย ถังดับเพลิง และน้ำดื่มให้เพียงพอในกรณีที่พนักงานต้องอยู่ภายในอาคารเป็นเวลานานเนื่องจากเส้นทางออกไม่ปลอดภัย
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น องค์กรต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก โดยการปฏิบัติตามหลัก "หมอบ คลานเข้าไปใต้ที่กำบัง จับยึดให้มั่น" (Drop, Cover, Hold On) เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากสิ่งของที่ตกลงมา หลีกเลี่ยงการยืนใกล้หน้าต่าง ชั้นวางของสูง และเครื่องจักรที่อาจพลิกคว่ำ หากพนักงานอยู่ภายในอาคาร ไม่ควรวิ่งออกไปภายนอกในขณะที่แผ่นดินไหวยังคงเกิดขึ้น เนื่องจากอาจมีเศษวัสดุหรือกระจกตกลงมา ในทางกลับกัน หากอยู่ภายนอกอาคาร ควรอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า อาคารสูง และสะพานที่อาจพังถล่มได้ สำหรับองค์กรที่มีโรงงานหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่ ต้องระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเครื่องจักรและระบบแก๊ส ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงหลังแผ่นดินไหวได้
เมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลง องค์กรต้องดำเนินมาตรการประเมินความปลอดภัยก่อนให้พนักงานกลับเข้าไปในอาคาร หากพบรอยร้าวหรือโครงสร้างที่เสียหาย ต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและยืนยันความปลอดภัยก่อนกลับเข้าไปใช้งาน องค์กรต้องตรวจสอบจำนวนพนักงานและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงติดต่อหน่วยงานกู้ภัยหากมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ และตรวจสอบระบบไฟฟ้า ประปา และแก๊สอย่างละเอียด หากพบความผิดปกติควรปิดระบบทันทีเพื่อป้องกันอัคคีภัยและการรั่วไหลของแก๊ส องค์กรควรสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้พนักงาน คู่ค้า และลูกค้าทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจ
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป องค์กรต้องมีการฟื้นฟูและปรับปรุงแผนรับมือแผ่นดินไหวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยทำการประเมินความเสียหายและวางแผนซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรงขึ้น ควรมีการทบทวนแผนฉุกเฉินและปรับปรุงจุดอ่อนที่พบระหว่างการรับมือแผ่นดินไหว การฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่องและซ้อมอพยพเป็นระยะ จะช่วยให้ทุกคนมีความพร้อมในการปฏิบัติตัวในกรณีฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น องค์กรควรพิจารณานำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า และระบบสำรองข้อมูล เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพียงนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ และถูกต้องก็จะช่วยให้เรารับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น