ConnectBizs

ผู้บริหารแบบไหนที่องค์กรต้องการ

connectbizs

17/03/2025

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

ผู้บริหารแบบไหนที่องค์กรต้องการ


องค์กรในปัจจุบันต้องการผู้บริหารที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่ใช่เพียงแค่การบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน และสามารถนำพาองค์กรให้เติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ผู้บริหารที่องค์กรต้องการควรเป็นผู้ที่มีความคิดเชิงกลยุทธ์ มองเห็นภาพรวมขององค์กร เข้าใจทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงสามารถกำหนดทิศทางที่ชัดเจนเพื่อให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด มีข้อมูลที่เพียงพอและพิจารณาทุกปัจจัยรอบด้านก่อนตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อองค์กร


นอกจากความสามารถทางการบริหารแล้ว ผู้บริหารที่องค์กรต้องการควรเป็นผู้นำที่สามารถบริหารคนได้ดี เพราะความสำเร็จขององค์กรขึ้นอยู่กับบุคลากรเป็นหลัก ผู้บริหารที่ดีต้องมีความสามารถในการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เข้าใจและใส่ใจความต้องการของพนักงาน รวมถึงสามารถดึงศักยภาพของแต่ละคนออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร การบริหารคนไม่ได้หมายถึงการสั่งงานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นผู้ที่สามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมีคุณค่าในงานที่ทำ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานและพร้อมที่จะพัฒนาองค์กรไปพร้อมกับผู้บริหาร


ดังนั้น ผู้บริหารที่องค์กรต้องการควรเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงและมีจรรยาบรรณในการทำงาน ต้องสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพนักงาน มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส และให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว การบริหารองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องของผลกำไรเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงจริยธรรม ความเป็นธรรม และผลกระทบต่อสังคมด้วย ผู้บริหารที่มีจรรยาบรรณจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร และนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพราะฉนั้น สิ่งที่ช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้คือ "ผู้บริหาร" ที่มีคุณภาพ แต่คำถามคือ ผู้บริหารแบบไหนที่องค์กรต้องการ บทความนี้เรามีคำตอบครับ.

คุณสมบัติสำคัญของผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

ควรอัพเดทเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

ผู้บริหารที่ดีนั้น ต้องมีการอัปเดตเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในยุคที่โลกดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากองค์กรไม่ให้ความสำคัญกับการติดตามและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ อาจทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ ลดความสามารถในการแข่งขัน และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง


หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้บริหารควรอัปเดตเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เทคโนโลยีใหม่ ๆ มักถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดเวลา ลดข้อผิดพลาด และทำให้กระบวนการทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ การอัปเดตเทคโนโลยียังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและระบบไอทีขององค์กรได้ดี เพราะทุกวันนี้ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น หากองค์กรใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบที่ล้าสมัย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ หรือเกิดช่องโหว่ที่นำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญได้ การอัปเดตระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้


อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญคือการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรสามารถให้บริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ล้ำสมัยช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ราบรื่นขึ้น หรือการนำระบบ Chatbot มาใช้ช่วยให้ลูกค้าสามารถรับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องรอพนักงาน


นอกจากนี้ การอัปเดตเทคโนโลยียังช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของตลาดและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้ ธุรกิจที่สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันมักจะสามารถครองตลาดได้ดีกว่า เช่น การนำ Big Data และ AI มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม การที่ผู้บริหารอัปเดตเทคโนโลยีไม่ควรเป็นเพียงแค่การตามเทรนด์เท่านั้น แต่องค์กรต้องมีการประเมินว่าการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้จะสร้างประโยชน์ที่แท้จริงหรือไม่ การลงทุนในเทคโนโลยีต้องสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรและมีการวางแผนที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแม้ว่าองค์กรจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ถ้าพนักงานไม่สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ ก็อาจทำให้เกิดความสูญเปล่าในการลงทุน


สุดท้ายแล้ว ผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับการอัปเดตเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น และสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว


เปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงศักยภาพ และส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้า

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

การเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงศักยภาพและส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าในองค์กรเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญของผู้บริหารที่ดี การพัฒนาทีมงานไม่เพียงช่วยให้พนักงานเติบโตขึ้นในสายอาชีพ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จขององค์กรในระยะยาวอีกด้วย การทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีโอกาสพัฒนาตนเองจะช่วยสร้างความผูกพันกับองค์กรและเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน


หนึ่งในแนวทางที่สำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พนักงานสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดยเริ่มจากการมอบหมายงานที่ท้าทายและเหมาะสมกับความสามารถ การให้โอกาสพนักงานได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ ในบางกรณี ผู้บริหาร อาจต้องก้าวข้ามแนวคิดเดิมที่มองว่าคนต้องมีประสบการณ์ก่อนจึงจะได้รับมอบหมายงานสำคัญ เพราะบางครั้งการให้โอกาสเป็นตัวกระตุ้นให้พนักงานพัฒนาและสร้างผลงานที่เกินความคาดหมาย


นอกจากการมอบหมายงานแล้ว การให้คำแนะนำและการโค้ชชิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พนักงานเติบโต ผู้บริหารควรมีบทบาทในการเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) คอยให้คำปรึกษา แนะนำแนวทาง และช่วยให้พนักงานสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะสั่งงานเพียงอย่างเดียว การสนับสนุนให้พนักงานได้คิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเองจะช่วยให้พวกเขามั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น


การเปิดพื้นที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและเสนอไอเดียเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยดึงศักยภาพออกมา ผู้นำที่ดีควรสนับสนุนให้พนักงานกล้าคิด กล้าเสนอแนวทางใหม่ ๆ และให้คุณค่ากับความคิดของพวกเขา แม้ว่าข้อเสนอบางอย่างอาจไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง แต่การที่พนักงานรู้ว่าความคิดเห็นของตนได้รับการรับฟังจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้พวกเขาคิดริเริ่มมากขึ้น


นอกจากนี้ การสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความก้าวหน้าควรควบคู่ไปกับระบบการให้รางวัลและการยอมรับ (Recognition) ผู้บริหารที่ดีควรให้การชื่นชมและให้เครดิตกับผลงานของพนักงานอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจเป็นคำชมต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน การให้รางวัล หรือการเสนอชื่อให้พนักงานได้รับการเลื่อนตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง


สุดท้ายแล้ว การเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพและสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าควรเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร เมื่อพนักงานรู้สึกว่ามีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน พวกเขาจะมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการทำงานมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในระดับบุคคลและองค์กรในระยะยาว

การเป็นที่ปรึกษาที่ดี

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

การเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับลูกน้องเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญของผู้บริหารที่ต้องการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมเติบโตไปด้วยกัน การให้คำปรึกษาที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่การให้คำแนะนำเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมถึงการสนับสนุน การเป็นแรงบันดาลใจ และการช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้องให้สามารถเติบโตได้ทั้งในด้านวิชาชีพและส่วนตัว


ในที่นี้รวมทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ทุกวันนี้คนเราต่างมีปัญหาไปจนถึงความเครียดมากมาย และบางครั้งก็อาจส่งผลกับการทำงานได้ การเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับลูกน้องนั้นจะช่วยลดความเครียดเพื่อให้พวกเขาสามารถรักษาสมดุลในการใช้ชีวิตและบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างที่ปรึกษาและผู้บริหารควรเป็นไปในลักษณะที่สร้างความไว้วางใจ เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา


คุณสมบัติของการเป็นที่ปรึกษาที่ดีอีกอย่างก็คือการรู้จักสังเกต และใส่ใจ สังเกตเห็นความผิดปกติของงานและพฤติกรรม ซึ่งบางครั้งลูกน้องอาจไม่รู้ตัวหรือไม่กล้าที่จะมาปรึกษา ผู้นำที่เห็นตรงจุดนี้ได้ไวก็อาจช่วยแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีเช่นกัน ผู้บริหารต้องสร้างความไว้วางใจและเปิดโอกาสให้พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา อาจจะเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจระหว่างผู้บริหารกับลูกน้อง พนักงานจะรู้สึกสบายใจในการขอคำแนะนำเมื่อพวกเขารับรู้ว่าผู้นำมีความจริงใจและพร้อมช่วยเหลือ ไม่ใช่เพียงแค่การตำหนิเมื่อเกิดข้อผิดพลาดเปิดใจรับฟัง โดยไม่ตัดสินหรือวิจารณ์ก่อนแสดงความจริงใจ และให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกน้อง สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย ที่พนักงานสามารถพูดคุยถึงปัญหาได้อย่างเปิดเผย


พัฒนาการทำงานระบบทีมให้มีประสิทธิภาพ

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

การทำงานเป็นทีมเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จในทุกองค์กร ผู้บริหารที่ดีไม่เพียงแต่ต้องบริหารจัดการทีมให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่ยังต้องพัฒนาให้ทีมมีศักยภาพที่สูงขึ้นอยู่เสมอ การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงแค่การคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถ แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี การกระตุ้นให้ทีมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และการส่งเสริมให้สมาชิกในทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารต้องคำนึงถึงคือ "เป้าหมายร่วม" ของทีม ทุกคนในทีมต้องมีความเข้าใจและมีทิศทางเดียวกันในการทำงาน เป้าหมายต้องถูกสื่อสารอย่างชัดเจน และต้องสามารถวัดผลได้ เพื่อให้ทีมสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง การกำหนดเป้าหมายที่ดีควรเป็นเป้าหมายที่ไม่เพียงแต่ท้าทาย แต่ยังเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนในทีมเห็นคุณค่าในการมีส่วนร่วม เป้าหมายที่คลุมเครือและขาดการติดตามผลจะทำให้ทีมขาดทิศทาง และทำให้สมาชิกรู้สึกไม่มั่นใจว่าตัวเองกำลังทำงานไปเพื่ออะไร


อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของทีมที่มีประสิทธิภาพคือ "วัฒนธรรมองค์กร" ที่สนับสนุนให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น วัฒนธรรมที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้พนักงานมีความไว้วางใจกันและมีความโปร่งใสในการสื่อสาร วัฒนธรรมที่ดีต้องส่งเสริมให้สมาชิกของทีมสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัว และต้องสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย หากมีวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นระบบอำนาจนิยม หรือการให้ความสำคัญกับลำดับขั้นมากเกินไป จะทำให้ทีมขาดความยืดหยุ่นและไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดที่สร้างสรรค์


ความไว้วางใจเป็นหัวใจของการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ หากสมาชิกในทีมขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะส่งผลให้เกิดการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ควรได้รับการแก้ไข และการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผู้บริหารที่ดีต้องสร้างความไว้วางใจผ่านการแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความจริงใจต่อทีม เมื่อสมาชิกในทีมรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและได้รับการสนับสนุน พวกเขาจะมีแรงจูงใจที่จะทำงานให้ดียิ่งขึ้น


การมีทักษะในการแก้ไขปัญหา

ผู้บริหารที่องค์กรต้องการ

การแก้ไขปัญหาเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดของผู้บริหารที่ดี เพราะทุกองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งปัญหาภายในองค์กร เช่น การบริหารทีมงาน การจัดสรรทรัพยากร หรือการสื่อสารที่ผิดพลาด และปัญหาภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงของตลาด คู่แข่ง หรือวิกฤตทางเศรษฐกิจ ผู้บริหารที่มีทักษะในการแก้ไขปัญหาจะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงสามารถนำพาองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้องภายใต้สถานการณ์ที่ซับซ้อน


ทักษะการแก้ไขปัญหาของผู้บริหารเริ่มต้นจากการมีมุมมองเชิงวิเคราะห์และความสามารถในการระบุปัญหาอย่างชัดเจน ปัญหาหลายอย่างอาจเกิดขึ้นโดยที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในตอนแรก ผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีความสามารถในการสังเกต วิเคราะห์ และแยกแยะว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่เป็นปัญหาจริง ๆ หรือเป็นเพียงอาการของปัญหาที่ใหญ่กว่า การเข้าใจรากของปัญหาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ


อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการแก้ไขปัญหาคือความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากปัญหาหลายอย่างต้องการความร่วมมือจากทีมงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในองค์กร ผู้บริหารที่ดีต้องเปิดรับความคิดเห็นจากทีมงาน หลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยลำพัง และใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด การมีทักษะในการสื่อสารและการรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างจะช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้จากหลายมุมมอง


บทสรุปของ ผู้บริหารแบบไหนที่องค์กรต้องการ


ในยุคที่โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน องค์กรในทุกภาคส่วนต้องการผู้บริหารที่สามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการแข่งขันที่สูง ผู้บริหารที่องค์กรต้องการจึงไม่เพียงแต่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคหรือความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม แต่ยังต้องมีความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน บริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงานในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ


เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้บริหารก็ต้องก้าวหน้าตาม และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการทำงานในยุคนี้ให้ได้ ผู้บริหารที่ดีนั้นจะสามารถนำพาองค์กรไปได้อย่างถูกทิศทาง และสร้างให้องค์กรประสบความสำเร็จในที่สุด ในขณะเดียวกันก็สามารถนำพาลูกน้องไปได้อย่างถูกทิศทางเช่นกัน และบริหารจัดการการทำงานตลอดจนด้านอื่นๆ ให้ลูกน้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลนี้ ตลอดจนส่งเสริมให้คนเหล่านั้นพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เหมาะกับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกองค์กร และการพัฒนาให้ทุกคนมีศักยภาพก็ย่อมได้รับประโยชน์กันทุกฝ่าย ซึ่งหัวใจสำคัญที่เป็นตัวกลางที่จะทำให้ทุกอย่างเชื่อมกันได้อย่างลงตัวที่สุดก็คือผู้นำนั่นเอง


ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่องค์กรต้องการในผู้บริหารที่ดี ผู้บริหารที่สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจ มีทักษะในการบริหารทีมและทรัพยากรที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจและความไว้วางใจให้กับทีมงาน รวมถึงสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้เสมอ จะสามารถช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จและเติบโตได้ในระยะยาว